หน้าเว็บ

8.25.2555

24 H.



วันหนึ่งวันมี 86400 วินาที

ฉันอยากจะใช้เวลาทุกวินาที อ่านหนังสือ

หนังสือให้อะไรฉันมากมายเกินกว่าฉันจะตอบแทนได้

หนังสือบางเล่มสอนฉันเหมือนครูสอนนักเรียน

หนังสือบางเล่มมอบความหวานเหมือนชายหนุ่มมอบความรักให้


หนังสือบางเล่มพาฉันไปท่องเที่ยวในดินแดนแสนไกล 


หนังสือบางเล่มชวนฉันจินตนาการอย่างไม่รู้จบสิ้น

สำหรับฉัน หนังสือทุกเล่มเป็นเพื่อนที่ดีในทุกเวลา เพื่อนที่ไม่เคยทิ้งกัน และ อ้าแขนกว้างต้อนรับฉันเสมอ

หนังสือมอบความสุขให้แก่ฉัน


ถ้าโลกนี้ไม่มีหนังสือ ฉันเห็นว่า ฉันคงอับเฉาเป็นแน่


ฉันขอกราบขอบคุณ ท่านที่สร้างหนังสือขึ้นมา 


ฉันหวังว่า สักวันหนึ่งข้างหน้า 


"ฉันจะสร้างความสุขและประโยชน์ให้กับผู้อื่นผ่านตัวอักษรของฉันได้บ้าง"





6.08.2555

follow the Dream


เรียนจบแล้วจะมีงานทำไหม?

คำถามนี้มักจะได้ยินบ่อยเวลาจะเริ่มต้นเรียนต่อในมหาวิทยาลัย

ฉันคิดว่า คำถามนี้ควรจะพูดมาเมื่อเรียนจบแล้วมากกว่า

การที่จะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย เรียนในคณะที่คิดว่าพอจบแล้วจะมีงานทำ
อาจสร้างความผิดพลาดได้ ถ้าไม่ได้รักหรือชอบในคณะ/สาขานั้น

ความชอบก็เช่นกัน คนเรานั้นมีความชอบมากมาย ชอบนู้นชอบนี่ แต่
ชอบแล้ว รักที่จะทำมั้ย มีความสุข ที่จะทำแบบนี้ไปอีกครึ่งชีวิตไหม

การที่จะเรียนให้ดี  ควรรู้ใจตัวเองว่าชอบอะไร และ สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ชอบแล้วต้องรักที่จะทำ สนุกที่จะหาข้อมูลในเรื่องนั้นเพิ่มเติมเพิ่มขึ้นทุกวัน และ มีความสุขกับการที่จะได้ทำกับสิ่งนี้ไปตลอด

ในอนาคต อาจมีการเปลี่ยนแปลงความฝันได้เสมอ แต่สิ่งที่เรารักและรักที่จะทำ อาจไม่เปลี่ยนแปลงไปมาก เราสามารถดัดแปลงเอาสิ่งนั้น มาเป็นส่วนประกอบในการสร้างสะพานก้าวไปถึงฝันได้

คนบางคนอาจรู้ใจตัวเองได้ไม่ยาก แต่คนบางคนกว่าจะเข้าใจตัวเองจริงๆ อาจเดินข้ามสะพานผิดไปมากมาย แต่ท้ายที่สุด ก็สามารถหาสะพานที่เข้ากับตัวเองได้ ถึงแม้จะช้าไปบ้าง..




5.29.2555

ลืม


ในชีวิตประจำวันที่รีบเร่งของคนเมือง
พวกเขาลืมสนใจทุกสิ่ง ทุกอย่าง
พวกเขาสนใจแค่สิ่งเล็กๆในมือของเขา
สิ่งเล็กๆนั้นบันดาลให้เขาได้ทุกสิ่ง
พวกเขากว่าครึ่งจดจ้องแต่สิ่งที่อยู่ในมือเขา

ลืมแม้กระทั่งที่จะมองดูธรรมชาติของต้นไม้ ธรรมชาติของวิถีชีวิต

พวกเขาเคยมองเห็นความงามในป่าคอนกรีตนี้มั้ย?

ตึกรามบ้านช่องที่พวกเขาอยู่ทุกวันนี้ พวกเขามองเห็นความสวยแค่สีที่ทาอยู่บนกำแพง
พวกเขาไม่เคยมองเห็นความสวยของ เสาเข็มที่เป็นตัวหลักในการก่อสร้างกำแพงขึ้นมา
ถ้าไม่มีเสาเข็ม ก็ไม่มีกำแพงที่ทาสีสวยงามให้พวกเขาอยู่

เฉกเช่นเดียวกัน

ต้นไม้ที่สร้างความร่มเย็นให้แก่พวกเขา พวกเขามองเห็นแค่ใบ เด็ดดมชมทิ้งกันอย่างไม่เห็นค่า
พวกเขาลืม ลืมมองเข้าไป
ต้นไม้จะสวยงามสร้างร่มเงาให้พวกเขาได้ ต้องมีราก รากที่ประคับประคองชีวิตของมัน

พวกเขามองแค่ผิวเผิน ฉาบฉวย ไม่เคยมองเข้าไปให้ลึกเหมือนสิ่งเล็กๆในมือนั้น
พวกเขาลืมแม้กระทั่งน้ำใจที่ควรมีต่อกัน
พวกเขาอาจลืมไปว่า ภาษามนุษย์เป็นอย่างไร เพราะ ถูกภาษาอิเล็กทรอนิกส์ควบคุมเสียแล้ว.





5.14.2555

กรอบ


นิยามของเด็กเรียน คืออะไร?
ต้องใส่แว่น หน้าเรียบร้อย ผมสีดำหรือ

ผู้ใหญ่ส่วนมากจะมองว่า ฉันเกเร ไม่ตั้งใจเรียน
เพียงแค่เพราะ ฉันไม่ชอบใส่ชุดนักศึกษา ฉันทำผมสีแดง ฉันชอบแต่งหน้าแต่งตัว และ ฉันไม่ได้ใส่แว่น

ฉันชินเวลาผู้ใหญ่รวมไปถึงเพื่อนชอบมาถามเกรดการเรียนของฉัน
พอได้ยินคำตอบ ทุกคนล้วนถามซ้ำอีกครั้ง จากที่ฉันสังเกตและรับรู้
อาการนี้คือ ไม่เชื่อ..ไม่เว้นแม้แต่อาจารย์

ฉันชินแล้ว
ฉันเข้าใจ มนุษย์มักจะมองแค่รูปลักษณ์ภายนอกเป็นอันดับแรก
มนุษย์เหล่านี้คงไม่เคยได้ออกมาจากกรอบที่พวกเขาสร้างขึ้น
กรอบที่ไม่เคยกว้างขึ้นหรือลดลง     กรอบที่ยังคงเป็น กรอบเดิมๆ..



5.06.2555

สอดรู้สอดเห็น



เมื่อวานนี้ ฉันเห็นคนบ้าเดินยิ้มท่ามกลางสายฝน
รอยยิ้มนั้นเป็นรอยยิ้มที่สวยงาม ปราศจากความทุกข์

ฉันมีความฝันหนึ่ง ฉันอยากจะเป็นจิตแพทย์
อยากจะรักษาคนบ้า อยากจะเข้าใจกลไกจิตใจของมนุษย์

ฉันอยากจะรักษาคนคนหนึ่ง ให้กลับมาอยู่ในโลกของความเป็นจริง
ฉันอยากช่วยเหลือพวกเขา..

ฉันมีนิสัยหนึ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก คือ ฉันชอบดูฉันชอบศึกษานิสัยของคน
ฉันเริ่มจากศึกษานิสัยของคนในบ้าน ฉันใช้วิธีสังเกตและจดจำ
ฉันจะรู้เสมอเวลาพี่ฉันโกหกพ่อแม่ ฉันดูจากแววตาและท่าทางการวางมือของพี่ฉัน เวลาพี่ฉันโกหกมักจะทำท่าแบบนี้เสมอ

เวลาฉันไปโรงเรียน ฉันก็จะชอบสังเกตนิสัยของครูและเพื่อน
ฉันรู้ว่าควรจะพูดแบบนี้กับครูคนนี้ เพื่อนคนนี้มีนิสัยแบบนี้ ชอบทำอะไรเวลาพักเที่ยง

ฉันมีความสุขเวลาฉันได้รับฟังความทุกข์ ได้ให้คำปรึกษาทำให้คนคนหนึ่งนั้นคลายทุกข์และสามารถหาทางออกได้
ฉันรู้สึกสนุกทุกครั้งเวลาฉันได้สังเกต ได้เรียนรู้มนุษย์ ถึงแม้ว่าบางครั้งจะได้เห็นข้อเสียของมนุษย์มากมาย
ฉันเรียกนิสัยนี้ของฉันว่า สอดรู้สอดเห็น นิสัยนี้ของฉันคงแก้ไม่หาย เพราะ ยิ่งอายุมากขึ้น ฉันก็ยิ่งสังเกตและจดจำมากขึ้น

4.26.2555

ความคิดของบัณฑิต

ฉันได้ยินบทสนทนาของแม่ลูกคู่หนึ่ง
ฉันไม่ได้ตั้งใจฟังในตอนแรก
แต่ฉันต้องมา ตั้งใจฟัง เมื่อ..
ลูกพูดว่า ถ้าแม่ใส่ชุดผ้าไหมไปงานรับปริญญา ลูกจะไม่เข้ารับ
ฉันหันไปมองดูหน้าแม่ แม่ทำหน้าเศร้าอย่างบอกไม่ถูก
เหมือนแม่จะพยายามพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ถอนใจ
ฉันนั่งฟัง ลูกยังบ่นพึมพำอยู่คนเดียว
ฉันจับใจความได้ว่า ทำไมต้องชุดผ้าไหม มันไม่เว่อร์ไปเหรอไง
ชุดเสื้อยืดธรรมดาก็พอ อายคนอื่นเขา.. 

ฉันรู้สึกเหมือนมีรูโหว่ในใจ
ฉันเก็บเอามาคิดเป็นวัน ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของฉัน
ในความคิดของฉัน วันที่ลูกรับปริญญาคือวันที่แม่ภูมิใจที่สุดรองจากวันที่ได้ให้กำเนิดลูก

แม่ต้องการที่จะใส่ชุดผ้าไหม เพราะ เป็นชุดพิเศษที่ไม่สามารถนำมาใส่ได้ทุกวันเหมือนกับเสื้อยืดธรรมดา แต่ ลูกกลับรู้สึกอายคนอื่นเขา

คนอื่นเขา คือ ใครก็ไม่รู้ ที่ไม่ได้ส่งเสียให้ลูกเรียนจบ แต่ลูกกลับแคร์ความรู้สึกของคนอื่นเขามากกว่า แม่ ที่ทำให้ลูกมีทุกวันนี้ได้

ฉันสงสัย ว่าตอนที่ลูกยังเป็นเด็ก เป็นวัยรุ่น แต่งตัวประหลาดตามสมัยนิยม แม่เคยอายคนอื่นเขาบ้างมั้ย ที่เดินกับลูกที่แต่งตัวประหลาด ทำผมตั้ง ใส่กางเกงขาด เสื้อรัดติ้ว..

แม่ไม่เคยอายคนอื่นเขา ถึงแม้ว่าลูกจะแต่งตัวยังไง แต่ลูกกลับอายคนอื่นเขาที่แม่ใส่ชุดผ้าไหม ไปงานรับปริญญา...นี้หรือความคิดบัณฑิตที่เรียนจบแล้ว  




4.07.2555

สายฝน..

วันนี้ ฉันเดินทางไปสอบเป็นวันสุดท้าย 


หน้าเมืองเอก เกิดฝนตกระดับรุนแรง


ฉันลงรถพร้อมกับ ผู้หญิงคนหนึ่ง 


เธอไม่มีร่ม แต่ฉันมีร่ม ฉันเลยชวนเธอเดินไปด้วยกัน


ไม่มีบทสนทนาใดๆทั้งสิ้น ในระหว่างเดินไป 


เมื่อสิ้นสุดทางเดิน เธอเดินจากไป 


ฉันคิดในใจ ขอบคุณซักคำก็ไม่มี... 


ฉันขึ้นรถสองแถวตามปกติ แต่วันนี้ไม่ปกติ


ฉันนั่งอยู่ริมสุดของรถ ฝนตกลงมาโดนตัวฉัน


ผู้ชายข้างๆ ลุกขึ้นมา บอกฉันว่า


เข้ามานั่งที่ผมดีกว่า ผมเปียกแล้ว 


ฉันขอบคุณ พร้อมคิดในใจว่า


ผู้ชายดีดียังมีบนโลก  พร้อมกับเงยหน้าไปสบสายตา


เมื่อลงรถแล้ว ฉันได้พบกับผู้หญิงคนแรก


เธอกล่าวขอบคุณ และ บอกว่าไปซื้อร่มมา


เธอยิ้มกว้างปากฉีก มาที่ฉัน ไม่ต่ำกว่า 3 รอบ


ส่วนฉัน หันไปยิ้ม ให้ผู้ชายคนนั้น แล้ว กล่าว ขอบคุณ อีกรอบ..


ถึงแม้นว่า ฉันจะไม่ได้ถามชื่อกัน หรือ คุยกันซักคำ ฉันก็รู้สึกเป็นสุข


ถึงแม้นว่า ฝนจะตก ฉันจะเปียก แต่ฉันก็มีรอยยิ้ม